1. ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์: การเลือกคลินิกที่มีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกผมจะช่วยให้การผ่าตัดปลูกผมมีความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เราควรดูว่าแพทย์ที่เราจะไปทำนั้นจบจากทีไหน เป็นแพทย์ที่ได้อเมริกันบอร์ด หรือได้รับการอบรมด้านปลูกผมที่ไหนบ้าง?
2. รับรองผลหลังการรักษา: คลินิกปลูกผมที่ดีควรจะรับรองผลการรักษาของคนไข้ และติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
3. มีการ Open House: การเปิดคลินิกให้คนไข้เข้าไปสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็นกันตรงไปตรงมาได้ที่คลินิก โดยไม่ได้นัดหมาย
4. มีรีวิวคนไข้ทั้งรูปภาพ และวิดิโอ: เนื่องจากการมีรีวิวรูปภาพเดียวสามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ จึงจำเป็นต้องมีรีวิวแบบวิดิโอด้วย
5. การประเมินผลการปลูกผม: คลินิกปลูกผมที่ดีจะมีการประเมินผลการปลูกผมเพื่อติดตามผลลัพธ์และปรับปรุงการดูแลรักษาให้ทันสมัย และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้นั้นๆ
6. ราคาที่เหมาะสม: การผ่าตัดปลูกผมมีราคาที่เหมาะสม ราคาจับต้องได้ และไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ชี้แจงราคาอย่างตรงไปตรงมาประกอบกับงบประมาณของคนไข้
7. คุณภาพการปลูกผม: ความเชี่ยวชาญในการปลูกผมด้วยเทคนิคที่ทันสมัย ไม่ต้องโกน (FUI, Long Hair FUI, FRM Anti-Hair Loss, Rigenera, ALMI กระตุ้นรากผมด้วยไขมัน)
8. การเตรียมการก่อนการผ่าตัด: มีการเตรียมการอย่างเต็มที่ก่อนการผ่าตัด และมีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด
9. การให้บริการหลังการผ่าตัด: มีการให้บริการหลังการผ่าตัดที่ครบวงจร และมีการดูแลรักษาผลการปลูกผมอย่างต่อเนื่อง
10. คนไข้สามารถเลือกทำในโรงพยาบาลได้: แพทย์ที่ทำมี Privilege สามารถทำในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานได้
ดังนั้น การเลือกคลินิกปลูกผมที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดปลูกผมไม่ได้เพียงแค่ดูจากค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา คุณภาพการผ่าตัด การดูแลรักษาหลังการผ่าตัด และสิ่งอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการปลูกผมถาวรดังนั้นคุณควรเลือกคลินิกปลูกผมที่มีความเชี่ยวชาญและมีคุณภาพการบริการที่ดี เพื่อให้การผ่าตัดปลูกผมมีผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย