สาระสำคัญในบทความ
เชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังหาวิธีในการรักษาภาวะผมร่วง ผมบาง และอาจยังไม่รู้ว่ามีทางเลือกในการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งการปลูกผม! แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร วิธีไหนเหมาะกับคุณ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ทางเลือกรักษาผมบาง โดยไม่ต้องปลูกผม
สาเหตุของผมบาง ที่คุณอาจคาดไม่ถึง?
ปัญหาผมร่วงผมบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ มีโอกาสเกิดขึ้นกับทุกคน สาเหตุที่พบมากที่สุด คือ ฮอร์โมนและพันธุกรรม สามารถพบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยผมที่บางจะมีลักษณะเฉพาะ ในผู้ชายสังเกตได้จากแนวผมบริเวณด้านหน้าถอยร่น หรือผมบางตรงกลางศีรษะ ในผู้หญิงจะเห็นรอยแสกที่กว้างมากขึ้น จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน อีกสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึงคือ ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม เช่น แสงแดด รังสีUV ฝุ่นควัน มลภาวะ รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทำให้สุขภาพเส้นผมไม่แข็งแรง ผมบาง ผมร่วงก่อนวัย การรู้สาเหตุที่แน่ชัดของปัญหา จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5 ทางเลือกรักษาผมบาง โดยไม่ต้องปลูกผม วิธีไหนเหมาะกับคุณ?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาเทคนิคที่หลากหลายในการฟื้นฟูหนังศีรษะและเส้นผม โดยไม่จำเป็นต้องปลูกผมถาวร เทคนิคต่างๆ นี้ช่วยให้รากผมแข็งแรงขึ้น กระตุ้นการงอกและเพิ่มความหนาของเส้นผม ความน่าสนใจอยู่ที่ เป็นการใช้สารหรือเซลล์ที่มาจากตัวเราเองทำการรักษา หรือที่เรียกว่า Autologous จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้

1. Growth Factor

เทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการรักษาปัญหาผมบาง เป็นการฉีดเกล็ดเลือดบนหนังศีรษะของคนไข้ โดยทำการเจาะเลือดคนไข้แล้วนำมาปั่นแยกเพื่อให้ได้เกล็ดเลือดความเข้มข้นสูง อุดมไปด้วย Growth Factor หลายชนิดที่สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมเพื่อให้เกิดการงอกใหม่ เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม นอกจากนี้มีการนำ Growth Factor มาใช้ในการรักษาโรคข้อเสื่อม เส้นเอ็นอักเสบ และใช้ในการชะลอวัย ข้อดีของการรักษาด้วย Growth Factor คือ เป็นการรักษาที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น เจ็บน้อย Growth Factor มีราคาที่แตกต่างกันไปตามเทคนิคที่ใช้ ราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น เห็นผลลัพธ์การรักษาประมาณ 10%
2. ERP (Exosome Rich Plasma)

เทคนิคนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในไทย แต่เป็นที่นิยมในยุโรป ใช้วิธีในการปั่นแยกเกล็ดเลือดเหมือนกับ PRP แต่มีความแตกต่างกันตรงที่จะนำเอาเกล็ดเลือดที่ได้มาสกัดเป็น Exosome โดย ERP จะมี Growth Factor เข้มข้นสูง ช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของรากผม ซ่อมแซมและฟื้นฟูรากผมให้กลับมาแข็งแรง ข้อดีของ ERP คือ มีคุณภาพและประสิทธิภาพเหนือกว่า PRP ทั่วไป ทำเพียงปีละ 2 ครั้ง เห็นผลลัพธ์การรักษาประมาณ 30%
3. FRM (Fractional RF Microneedle)

เทคนิคที่เป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ เป็นการรักษาผมบางด้วยการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) และ Microneedle รวมไว้ด้วยกัน ทำการรักษาร่วมกับการใช้เกล็ดเลือดเข้มข้น PRP หรือ Exosome โดยใช้เข็มขนาดเล็กพร้อมกับการปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุลงไปบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ข้อดีของ FRM คือ ช่วยเปิดผิวบนหนังศีรษะ ทำให้การรักษากระจายอย่างทั่วถึง และดูดซึมสารต่างๆ ได้ดีขึ้น เห็นผลลัพธ์หลังจากทำประมาณ 4 – 6 ครั้ง ในหนึ่งปีอาจจะทำประมาณ 6 – 10 ครั้ง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เห็นผลลัพธ์การรักษาประมาณ 10 – 30%
4. SVF (Stromal Vascular Fraction)

วิธีที่ช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นให้เซลล์รากผมเจริญเติบโต โดยการคัดเอาเฉพาะ Stem Cell จากไขมัน ที่ได้มาจากการดูดไขมันของคนไข้ เพื่อให้ได้องค์ประกอบที่เรียกว่า Stromal Vascular Fraction แล้วนำไปฉีดบนหนังศีรษะคนไข้ ข้อดีของ SVF คือ ทำแค่ปีละ 1 ครั้ง เห็นผลลัพธ์การรักษาประมาณ 30 – 40%
5. ALMI Nano Fat (Autologous Lipocyte Micronized Injection)

เป็นเทคนิคที่มีงานวิจัยอ้างอิงจำนวนมาก และได้รับความนิยมทั้งในยุโรปและอเมริกา โดยนำไขมันของตัวเองมาใช้ในการรักษา คัดแยกเฉพาะไขมันที่มีคุณภาพดี แล้วนำมาฉีดในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่ง Nano Fat จะช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูรากผม มีส่วนช่วยเพิ่มความหนาให้กับเส้นผม ข้อดีของ ALMI คือ เป็นการรักษาแบบครั้งเดียวเห็นผล ไม่มีการใช้สารเคมี ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้ เห็นผลลัพธ์การรักษาประมาณ 40 – 50%
นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นที่ไม่ได้ใช้สารหรือเซลล์จากร่างกายตัวเอง นั่นคือ MESOHAIR หรือ Mesotherapy เป็นการฉีดยา หรือวิตามินต่างๆ เข้าไปในชั้นรากผม ราคาจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับคุณภาพของยาที่ใช้ ก่อนเข้ารับการรักษาควรขอดูขวดยาทุกครั้งว่าใช้ยี่ห้ออะไร มีสารอะไรบ้าง และผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่ต้องทำการเจาะเลือด สามารถฉีดรักษาได้เลย ทั้งนี้แม้จะใช้ยาตัวเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เนื่องจากมีการตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกันนั่นเอง
มีทางเลือกในการรักษาผมบาง ที่หลากหลายและน่าสนใจ แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ทำได้เพียงลดการหลุดร่วง ชะลอไม่ให้ผมบาง แต่ไม่ได้หยุดการร่วงถาวร ทั้งนี้สภาพเส้นผมและหนังศีรษะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงต้องได้รับคำปรึกษาแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อช่วยให้คุณเลือกวิธีรักษาที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ



