หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน กำลังมองหาทางออกด้วยการปลูกผม แต่ยังสงสัยว่าการปลูกผมคืออะไร สามารถแก้ไขได้ทุกปัญหาเส้นผมหรือไม่ มีขั้นตอนอะไรบ้าง ต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะเห็นผล มาเปิดตำรามือใหม่ Hair Transplant 101 ไปพร้อมกันเลย
สาระสำคัญภายในบทความ
- ทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมคืออะไร?
- เทคนิคการปลูกผมมีกี่แบบ?
- ความแตกต่างระหว่างการปลูกผม Short Hair vs Long Hair
- ปลูกผม เลือกเทคนิคไหนดี?
- ปลูกผมกี่เดือนเห็นผล ระยะเวลาการฟื้นตัวนานเท่าไหร่?
- ผมร่วง ผมบางแบบไหนที่รักษาได้ด้วยการปลูกผม?
- ปลูกผมใช้เวลานานไหม?
- จะเกิดอะไรขึ้น หากปลูกผมกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน?
ทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมคืออะไร?
การปลูกผม คือ การย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่ง หลักการคล้ายกับการปลูกถ่ายอวัยวะ แต่ในกรณีนี้ใช้เซลล์รากผมของตัวเอง โดยย้ายรากผมจากด้านหลังศีรษะมาด้านหน้า บริเวณที่ใช้สำหรับการถอนเซลล์รากผมเรียกว่า Donor Area ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นผมไม่ได้รับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง เมื่อย้ายเซลล์รากผมไปยังตำแหน่งใหม่ เส้นผมจะเติบโตตามปกติ แต่ในบริเวณที่นำออกมา จะไม่เกิดการงอกใหม่ของเส้นผมแล้ว การปลูกผมจึงต้องใช้กอผมหรือกราฟต์ผมให้น้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นจะเหลือผมไม่เพียงพอสำหรับปลูกเพิ่มเติมในอนาคต
เทคนิคการปลูกผมมีกี่แบบ?
ตามมาตรฐานสากลการปลูกผมมีด้วยกัน 2 แบบ คือ การปลูกผม FUT และการปลูกผม FUE
1. FUT (Follicular Unit Transplantation)
- เทคนิคปลูกผมแบบดั้งเดิม โดยตัดแถบหนังศีรษะ
- นำไปสกัดกอรากผมหรือกราฟต์ผม (Hair Graft) ก่อนปลูกถ่าย
- เกิดรอยแผลเป็นแบบเส้นยาว
2. FUE (Follicular Unit Extraction)
- เจาะเซลล์รากผมออกทีละกอ โดยไม่ต้องตัดแถบหนังศีรษะ
- ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
- เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาพักฟื้นสั้นกว่าแบบ FUT
ความแตกต่างระหว่างการปลูกผม Short Hair vs Long Hair
ทั้งเทคนิคปลูกผม Short Hair และ Long Hair เป็นการปลูกผม FUE ขั้นตอนการปลูกผมของทั้งสองเทคนิคไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ต่างกันตรงที่ลักษณะกราฟต์ผมที่ได้
- ปลูกผม Short Hair: กราฟต์ที่ได้มีลักษณะเป็นตอผมสั้นๆ เนื่องจากต้องโกนผมด้านหลัง
- ปลูกผม Long Hair: กราฟต์ที่ได้มีลักษณะเป็นเส้นผมยาว ทำการเจาะกราฟต์โดยที่ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง เห็นแนวผมทันทีหลังทำเสร็จ
ปลูกผม เลือกเทคนิคไหนดี?
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผมเทคนิค FUE, DHI, Long Hair, FUE Sapphire ไม่มีเทคนิคปลูกผมไหนดีที่สุด มีแต่เทคนิคที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคน ชื่อเรียกเทคนิคปลูกผมที่แตกต่างกันนั้นมาจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการเจาะหรือปักกราฟต์ผม รวมถึงเทคนิคเฉพาะของแพทย์แต่ละท่าน เช่น การปลูกผมแบบ DHI (Direct Hair Implantation) เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อมาจากเทคนิค FUE โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Implanter Pen ในการปักกราฟต์ผม แต่ละเทคนิคมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันไป จะรักษาแบบไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยของคนไข้ เช่น ผมบริเวณ Donor Area มีเพียงพอหรือไม่ ผมบางทั่วศีรษะหรือไม่ บริเวณไหนที่ผมร่วง
ปลูกผมกี่เดือนเห็นผล ระยะเวลาการฟื้นตัวนานเท่าไหร่?
- วันที่ 1 – 7: ระยะเริ่มต้นของการรักษา
หลังการปลูกผมถาวร อาจมีอาการแดงและบวมเล็กน้อยบริเวณที่ทำการปลูก ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการฟื้นตัวของร่างกาย'
- เดือนที่ 1 – 3: ระยะผลัดเส้นผมที่ปลูก
เส้นผมที่ปลูกอาจหลุดร่วงในช่วงนี้ เนื่องจากรากผมเข้าสู่ระยะพักตัว (Telogen Phase) ซึ่งเป็นกระบวนการปกติก่อนที่เส้นผมใหม่จะเริ่มงอกขึ้นมา
- เดือนที่ 4 – 6: ระยะเริ่มต้นของการเจริญเติบโต
เส้นผมใหม่เริ่มงอกขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจยังดูบางและอ่อนแออยู่ แต่จะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นตามเวลา
- เดือนที่ 6 – 12: ระยะเส้นผมหนาขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ
เส้นผมที่ปลูกจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เริ่มหนาขึ้น มีความแข็งแรง และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- เดือนที่ 12+: การพัฒนาความหนาและเนื้อสัมผัสของเส้นผม
หลังจาก 1 ปี ผมที่ปลูกจะขึ้นเต็มที่ มีความหนาแน่นและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยต่อเนื่องไปจนถึงปีที่ 2 โดยรวมแล้ว กระบวนการปลูกผม Hair Transplant 101 ต้องใช้เวลาและความอดทน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งแต่ละคนอาจมีระยะเวลาฟื้นตัวที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลหลังปลูกผม
ผมร่วง ผมบางแบบไหนที่รักษาได้ด้วยการปลูกผม?
- ภาวะศีรษะล้านแบบชายและหญิง
เป็นภาวะผมร่วงที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมน โดยในผู้ชายมักจะมีแนวผมร่นขึ้นไปด้านบน และเกิดหัวล้านบริเวณกลางศีรษะ ส่วนในผู้หญิงมักมีอาการผมบางทั่วศีรษะ การปลูกผมสามารถช่วยเติมเต็มบริเวณที่ผมบางลงให้ดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- เส้นผมบางหรือแนวผมร่น
บางคนอาจไม่ได้มีภาวะศีรษะล้านแบบเต็มรูปแบบ แต่มีแนวผมร่นขึ้นไปหรือเส้นผมบางลงเรื่อยๆ การปลูกผมสามารถช่วยปรับแนวเส้นผมให้สมดุล และเพิ่มความหนาของเส้นผมในบริเวณที่ต้องการ
- จุดหัวล้าน ผมร่วงจากการดึงรั้ง หรือแผลเป็น
บางคนอาจมีจุดหัวล้านเฉพาะที่จากอุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือการดึงรั้งเส้นผมซ้ำๆ เช่น การถักผมหรือมัดผมตึงเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดแผลเป็น และผมไม่งอก การปลูกผมสามารถช่วยฟื้นฟูบริเวณเหล่านี้ และเติมเต็มเส้นผมให้กลับมาเป็นปกติ
- การฟื้นฟูคิ้วและเครา
นอกจากการปลูกผมบนศีรษะแล้ว ยังสามารถใช้เทคนิคเดียวกัน เพื่อเติมเต็มคิ้วหรือหนวดเครา สำหรับผู้ที่มีขนขึ้นน้อยหรือรอยแหว่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับปรุงลุคโดยรวมให้ดูเข้มและมีมิติยิ่งขึ้น
ปลูกผมใช้เวลานานไหม?
การปลูกผม เป็นกระบวนการที่สามารถทำเสร็จภายในวันเดียว ใช้เวลาประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง โดยแพทย์จะทำการเก็บเกี่ยวเส้นผม ซึ่งมักเป็นด้านหลังศีรษะ เพื่อให้แน่ใจว่า กราฟต์ผมที่ได้มีคุณภาพดีที่สุด เมื่อเส้นผมถูกเก็บเกี่ยวแล้ว แพทย์จะทำการปลูกย้ายไปบริเวณที่ต้องการ โดยคำนึงถึงทิศทางและแนวของเส้นผม เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ทั้งนี้การดูแลตัวเองหลังการปลูกผมเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยทั่วไปหลังทำเสร็จสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ภายในไม่กี่วัน
จะเกิดอะไรขึ้น หากปลูกผมกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน?
ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ เริ่มต้นจากการเลือกคลินิกปลูกผมที่ได้มาตรฐาน และต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น หากทำโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แผลอักเสบ ผมร่วงจำนวนมากบริเวณที่เจาะกราฟต์ ภาวะผมแหว่งจากการถูกถอนกราฟต์ผมไปจำนวนมาก และการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ไม่ดี แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และสภาพจิตใจอย่างมาก ทางออกที่ดีคือ แนะนำให้ขอวิดีโอทุกขั้นตอนการปลูกผม เพื่อความมั่นใจในการรักษา
สำหรับมือใหม่ที่สนใจการปลูกผม Hair Transplant 101 ควรทำความเข้าใจพื้นฐานการปลูกผม ขั้นตอนต่างๆ ข้อควรปฏิบัติและข้อจำกัด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจ ซึ่งการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่ตรงจุด และเลือกแนวทางรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาเส้นผมของคุณมากที่สุด