ผมร่วงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนไม่น้อยทั้งผู้ชายและผู้หญิง หลายคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองกำลังสูญเสียเส้นผม จนปัญหาลุกลามกลายเป็นภาวะผมบางหรือศีรษะล้าน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจต้นตอของปัญหาผมร่วง วิธีสังเกตผมร่วงเยอะผิดปกติ และอะไรคือสิ่งที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ เมื่อผมเริ่มร่วง!
สาระสำคัญภายในบทความ
สาเหตุของปัญหาผมร่วง เกิดจากอะไร
1. ฮอร์โมนและพันธุกรรม
- ฮอร์โมน DHT (dihydrotestosterone) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย
- ภาวะผมร่วงจากพันธุกรรม (Androgenic Alopecia) สาเหตุหลักของการเกิดผมร่วง
ลักษณะเด่น: ผมร่วงแบบถอยร่นบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ
2. ความเครียด
- ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจอาจกระตุ้นให้เกิด โรคผมร่วงเฉียบพลัน (Telogen Effluvium)
- การเจ็บป่วย การผ่าตัด หรือความเครียดจากงานและชีวิตประจำวัน
ลักษณะเด่น: ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะไม่มีบริเวณที่ชัดเจน
3. โรคและภาวะสุขภาพ
- โรคไทรอยด์: ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อการเติบโตของเส้นผม
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น Alopecia Areata ที่ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
- ภาวะโลหิตจาง: ขาดธาตุเหล็กทำให้เส้นผมอ่อนแอ ภาวะอื่นๆ เช่น PCOS (ภาวะถุงน้ำในรังไข่) ก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่ง
4. ขาดสารอาหาร การขาดสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพเส้นผม เช่น
- โปรตีน: เป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม
- ธาตุเหล็ก: จำเป็นต่อการลำเลียงออกซิเจนสู่รากผม
- ไบโอตินและซิงค์: ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเส้นผม
รวมถึงอาหารที่ไม่สมดุลหรือการลดน้ำหนักที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นต้นเหตุเช่นกัน
5. การใช้ยา ยาหลายชนิดอาจทำให้ผมร่วง เช่น
- ยาเคมีบำบัด: ทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว รวมถึงเซลล์รากผม
- ยาควบคุมฮอร์โมน: เช่น ยาคุมกำเนิด ยาฮอร์โมนเพศชาย
- ยาสำหรับโรคเรื้อรัง เช่น ยาลดความดันโลหิต
6. พฤติกรรมการดูแลเส้นผม
- การใช้สารเคมี: เช่น การย้อม ดัด ยืด หรือฟอกสีผม
- การใช้ความร้อน: เช่น ไดร์เป่าผม ใช้เครื่องม้วนผมหรือที่หนีบผมบ่อยๆ
- การดึงรั้งผม: การมัดผมแน่นเกินไปหรือการใช้แปรงที่ไม่เหมาะสม
ผมร่วงแค่ไหน ที่เรียกว่าผิดปกติ!
โดยทั่วไปเส้นผมจะหลุดร่วงประมาณ 100 เส้น/วัน หรือในวันที่สระผมอาจร่วงถึง 200 เส้น/วัน หากสังเกตว่าผมร่วงมากกว่า 200 เส้น/วัน ถือว่าผิดปกติ แต่จะนับได้อย่างไร? เพราะในแต่ละวันเราทำกิจกรรมมากมาย จนไม่รู้ว่าผมร่วงที่ไหน? เมื่อไหร่บ้าง? หนึ่งในเทคนิคง่ายๆ ที่แนะนำ คือ นับจำนวนเส้นผมที่หลุดร่วงหลังจากตื่นนอน เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนสีขาว เช็คดูให้แน่ใจว่าไม่มีผมร่วงบนที่นอน เมื่อนอนครบ 8 ชั่วโมง ลองนับเส้นผมที่ร่วงบนที่นอนว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เช่น หากพบว่าผมร่วง 100 เส้น จากการนอน 8 ชั่วโมง แสดงว่าอัตราเฉลี่ยทั้งวันคุณอาจจะมีผมร่วง 300 เส้น/วัน = ผิดปกติมาก ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางรักษาโดยด่วน!
ผมร่วงต้องรู้ต้นตอ! หยุดพึ่งยาทางเน็ต ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้ผมร่วงหนักขึ้น!
- อย่ารีบใช้ ไมน็อกซิดิล (Minoxidil) เมื่อผมเริ่มร่วงและใช้ไมน็อกซิดิลทันที เปรียบเสมือนการขึ้นรถไฟเหาะที่ไม่มีจุดจอด เมื่อเริ่มใช้แล้ว คุณต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ โดยอาจต้องเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ เพราะหากหยุดใช้เมื่อไหร่ เส้นผมที่เคยฟื้นตัวจะกลับไปบางเหมือนเดิมทันที ราวกับรถไฟเหาะที่พุ่งสูงขึ้น เมื่อสิ้นสุดเส้นทาง ก็จะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น ผมบางบริเวณด้านบนหรือกลางศีรษะ สาเหตุเกิดจากฮอร์โมน DHT หากใช้ไมน็อกซิดิล ผลลัพธ์อาจจะดีขึ้น แต่หากผมบางบริเวณด้านข้างศีรษะ ที่อาจเกิดจากการขาดวิตามิน หากตัดสินใจใช้ไมน็อกซิดิลทันที ผลลัพธ์อาจจะดีหรือไม่ดีขึ้น แต่ที่สำคัญคือ เห็นผลน้อย เพราะสาเหตุผมร่วงที่แท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข ข้อควรระวังคือ เมื่อใช้ไมน็อกซิดิลไปแล้วจะหยุดใช้ไม่ได้ - อย่ารีบทานยาไฟแนสเทอไรด์ (Finasteride) เมื่อผมเริ่มร่วงและรับประทานยาไฟแนสเทอไรด์ทันที เปรียบเสมือนการขึ้นเครื่องบินที่ไม่มีการหยุดพัก เมื่อเริ่มใช้แล้ว คุณจำเป็นจะต้องรับประทานยาต่อเนื่อง เพราะหากหยุดเมื่อใด เส้นผมที่เคยฟื้นตัวจะกลับไปร่วงเหมือนเดิมทันที ราวกับเครื่องบินที่ต้องบินต่อเนื่อง หยุดบินเมื่อใด เครื่องบินก็จะตกทันที
- อย่ารีบฉีด PRP เมื่อผมเริ่มร่วงและไปทำ PRP ทันที เปรียบเสมือนการขึ้นชิงช้าสวรรค์ คุณจำเป็นจะต้องทำซ้ำอย่างต่อเนื่องทุกเดือน วนหลายรอบกว่าจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ โดยจากข้อมูลสถิติแนะนำให้ทำมากกว่า 15 ครั้งถึงจะเริ่มเห็นผล ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกท้อใจได้ นอกจากนี้ PRP ยังไม่ใช่วิธีที่เหมาะสำหรับทุกคน คุณอาจต้องใช้เวลานาน และมีความเสี่ยงที่ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง
- อย่ารีบปลูกย้ายเซลล์รากผม เมื่อผมเริ่มร่วงและตัดสินใจปลูกผมถาวรทันที เปรียบเสมือนการขึ้นรถไฟที่เต็มไปด้วยซอมบี้ แบบในหนังเรื่อง Train to Busan เพราะการปลูกผมไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับทุกคน โดยเฉพาะหากคุณมีภาวะผมบางที่การปลูกผมไม่ใช่คำตอบ วิธีนี้อาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง และอาจทำให้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างจำกัดถูกใช้จนหมด ซึ่งไม่สามารถฟื้นฟูใหม่ได้ เหมือนซอมบี้ที่กัดกินชีวิตคุณจนหมดสิ้นนั่นเอง เช่น โรค Frontal Fibrosing Alopecia (FFA) ผมร่วงที่เกิดจากการอักเสบ หากปลูกผมไปแล้ว รากผมจะถูกทำลาย เป็นการเสียกราฟต์โดยเปล่าประโยชน์ ต้องทำการรักษาโรคให้หายขาดก่อน
เมื่อผมเริ่มร่วง ไม่ควรตัดสินใจแบบเร่งรีบ หรือเสิร์ชหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ต สิ่งที่ควรทำมากที่สุด คือ ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของปัญหาผมร่วงอย่างแท้จริง เช่น ตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะแบบละเอียดด้วยเครื่อง AI Hair Scan, การตรวจเลือด (Blood Test), การตรวจหาภาวะขาดสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งแพทย์จะช่วยวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ