ปลูกผมเเล้วต้องกินยาไปตลอดชีวิตจริงหรือไม่?

12-01-2024

ปลูกผมเเล้วต้องกินยาไปตลอดชีวิตจริงหรือไม่?

ปลูกผมเป็นวิธีแก้ปัญหาผมบางและศีรษะล้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน หลายคนเข้าใจว่าการปลูกผมแล้วจะทำให้ผมดกดำหนาแน่นถาวร ไม่ต้องกังวลเรื่องผมร่วงอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกผม FUE เพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอที่จะรักษาผมร่วงได้ในระยะยาว

สาเหตุหลักของผมร่วงในผู้ชายคือฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งจะเข้าไปทำลายรากผม ทำให้ผมหลุดร่วงและบางลงในที่สุด การปลูกผมสามารถช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน DHT ได้ ยาที่นิยมใช้รับประทานได้แก่

1.ยา Finasteride เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5-alpha reductase ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมน Testosterone เป็น DHT ยา Finasteride มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่งอกใหม่มีความแข็งแรง

2.ยา Minoxidil เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยการขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น ยา Minoxidil มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม แต่ไม่สามารถยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผมได้

https://www.youtube.com/watch?v=J65BdAVbnrk

ตัวอย่าง เคสคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องทานยาปลูกผม เพราะผมที่ย้ายมาปลูกจากด้านหลังนั้นไม่ไวต่อฮอร์โมน จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานยาหลังปลูก

Hair Transplant, FUE Hair Transplant

ตัวอย่าง เคสคนไข้ที่รับประทานยารักษาผมร่วงได้ เคสนี้หากคนไข้ไม่รับประทานยา ผมบริเวณที่ไม่ได้ปลูกอาจจะร่วงได้ในอนาคต

Hair Transplant, FUE Hair Transplant

ยา หรือวิตามินบำรุงเส้นผมมีประสิทธิภาพอย่างไรในการรักษาผมร่วง?

ยา หรือวิตามินบำรุงเส้นผมมีประสิทธภาพอย่างไรในการรักษาผมร่วง?

Ans: ในทางการแพทย์ไม่มียาตัวไหนที่ช่วยหยุดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้ 100% (Stop Hair Loss) แต่ยา หรือวิตามินเหล่านั้นจะช่วยชะลอการขาดหลุดร่วงของเส้นผม (Slow Hair Loss) แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนา และได้รับการวิจัยมากมายในต่างประเทศ มีวิธีที่ช่วยชะลอผมขาดหลุดร่วงอีกมากมาย เช่น การฉีด Growth Factor กระตุ้นหนังศีรษะ, FRM Anti Hair Loss การกระตุ้นรากผมด้วยคลื่น RF, ALMI Nano Fat ทรีตเมนท์เพิ่มผมหนาด้วยไขมันตัวเอง, Rigenera Micrograft Hair การสร้างผมใหม่ด้วยรากผมของตนเอง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความจำเป็นในการรับประทานยา เช่น การดูแลรักษาผมบางหลังปลูก พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

การดูแลรักษาผมหลังปลูก

การดูแลรักษาผมหลังปลูกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาผลลัพธ์ของการปลูกผมถาวร ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น เพราะอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง ควรสระผมด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นปานกลาง และควรใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนเพื่อลดการระคายเคือง ไม่ควรหวีผมแรงๆ หรือจับผมแรงๆ เพราะอาจทำให้รากผมเสียหาย

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างอาจส่งผลต่อการหลุดร่วงของเส้นผม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของเส้นผม

สรุป

การปลูกผมถาวรแล้วต้องกินยาไปตลอดชีวิตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความรุนแรงของปัญหาผมร่วง พันธุกรรม และอายุของผู้ป่วย
• ผู้ป่วยที่มีอายุน้อยและมีพันธุกรรมผมร่วงรุนแรง อาจจำเป็นต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต เพื่อให้ผมที่ปลูกใหม่อยู่คงทน
• ผู้ป่วยที่มีอายุมากและมีพันธุกรรมผมร่วงไม่รุนแรง อาจไม่จำเป็นต้องรับประทานยาตลอดชีวิต แต่อาจจะต้องควบคุมการหลุดร่วงของเส้นผม
• มีเทคนิคต่างๆมากมายที่ช่วยชะลอการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้ เช่น การฉีด Growth Factor กระตุ้นหนังศีรษะ, FRM Anti Hair Loss การกระตุ้นรากผมด้วยคลื่น RF, ALMI Nano Fat ทรีตเมนท์เพิ่มผมหนาด้วยไขมันตัวเอง, Rigenera Micrograft Hair การสร้างผมใหม่ด้วยรากผมของตนเอง เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการปลูกย้ายเซลล์รากผม เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ดี

สนใจสอบถามเพิ่มเติมเรายินดีให้คำปรึกษา---------
Inbox : TheskinclinicBangkok
Line@ : @teamdoctor
Tel : 089-145-4427

บทความน่าสนใจ

More Information !

คลินิกปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ไร้รอยแผลเป็น | THE SKIN CLINIC

919 ถนน สีลม แขวง สีลม เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร10500 ประเทศไทย

© THESKINCLINIC​ ALL RIGHT RESERVED